Posted by : GGEZ December 25, 2013


"Bebop"
เมื่อนักดนตรีแจ๊ซแนว Swing เบื่อหน่ายการจัดวงและการเรียบเรียงที่ค่อนข้างตายตัว จึงเกิดการหาแนวทางใหม่ เล่นตามความพอใจแบบที่มักทำหลังการซ้อมหรือเล่นดนตรี หรือเรียกว่า "แจม" (Jam session) Charlie "Bird" Parker นักแซ็กโซโฟน และ Dizzy Gillespie นักทรัมเป็ต เสนอแจ๊สในแนวทางใหม่ขึ้นมา เมื่อทั้งสองร่วมตั้งวงห้าชิ้นและออกอัลบั้มตามแนวทางดังกล่าว คำว่า Bebop หรือ Bop ก็กลายเป็นคำติดปากของผู้ฟัง มีสุ้มเสียง จังหวะ การสอดประสานที่ต่างไปจาก Swing เช่นจังหวะไม่ได้บังคับเป็น 4/4 เหมือนสวิง เน้นใช้คอร์ดแทน Alternate chords ในขณะที่โซโลและการแสดงด้นสดยังอยู่บนคอร์ดเดิม

ลีลาของแนว Bebop จะเน้นเป็นดนตรีตามคลับแจ๊สมากกว่าดนตรีเต้นรำ จุดเด่นคือการแสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างสูง ไม่นานนัก Bebop ก็เป็นที่นิยม Charlie Parker, Dizzy Gillespie, และ Thelonious Monk กลายเป็นดาวผู้เปิดแนวทางใหม่ในวงการแจ๊ส

Bebop ให้กำเนิดสองกระแสใหม่ กระแสแรกคือ Cool Jazz ซึ่งเป็นการผสมแจ๊สเข้ากับเพลงคลาสสิค อีกกระแสคือ Hard Bop ซึ่งผสมเอา Bebop, R&B และเพลงในโบสถ์ (Gospel) เข้าด้วยกัน

คูลแจ๊สมีต้นกำเนิดจากงานของ Miles Davis ซึ่งใช้วง 9 ชิ้น อัดอัลบั้ม The Birth of Cool นักดนตรีแจ๊สเรียกติดปากว่า "Cool" เป็นที่มาของคำ "Cool Jazz" ซึ่งไม่ได้เร็วสนุกสนานเหมือนดนตรีแจ๊สที่ผ่านมา กลับมีท่วงทำนองช้า บรรยากาศหม่นๆ อิทธิพลด้านคลาสสิคของคูลแจ๊สส่วนใหญ่จะมาจากงานของ Igor Stravinsky และ Claude Debussy ทำให้บางคนวิจารณ์ว่า Cool Bop ทำให้แจ๊สถอยหลัง

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งตะวันตกก็มีเพลงแจ๊สที่เรียกกันว่า เวสต์โคสต์ (West Coast Sound) ซึ่งคล้ายคลึงกับคูลแจ๊ส แต่อนุรักษ์นิยมกว่า วงดนตรีเวสต์โคสต์มักไม่มีเปียโนมารวมด้วย ผู้นำของกลุ่มนี้ได้แก่ Chet Baker, Jerry Mulligan, Stan Getz
แจ๊ส ฟิวชั้น
หลังจากช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงร็อก (ร็อกแอนด์โรล) มีอิทธิพลต่อวงการเพลง หลังกำเนิดฟรีแจ๊ส ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ได้เกิดดนตรีแจ๊สอีกแนวที่เรียกว่า ฟิวชัน (Fusion) ซึ่งบ่งชี้ถึงการนำดนตรีสองแนวหรือมากกว่ามาหลอมรวมกัน ซึ่งในช่วงนั้นคือการรวมกันของดนตรีแจ๊สเข้ากับร็อกเป็นหลัก โดยการใช้รูปแบบจังหวะ และสีสันของเพลงร็อก เครื่องดนตรีในวงฟิวชั่นมักประกอบด้วยเครื่องดนตรีสองประเภททั้ง เครื่องดนตรีดั้งเดิม และเครื่องดนตรีไฟฟ้า หรืออีเลคโทรนิค มีกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะที่ใหญ่กว่าแจ๊สยุคก่อนๆ และมักมีเครื่องดนตรีต่างชาติอื่นเช่น เครื่องดนตรีจากแอฟริกา ลาตินอเมริกา หรืออินเดีย และอีกสองลักษณะเด่นของฟิวชั่นแจ๊สคือ แนวทำนองของอีเลคโทรนิคเบสและการซ้ำทวนของจังหวะ

ไมล์ส เดวิส นักปฏิวัติดนตรีแจ๊ส ก็ได้หยิบเอาโครงสร้างของร็อกมารวมกับแจ๊ส ทดลองใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า เครื่องดนตรีประเภทสังเคราะห์เสียง โดยเริ่มจากอัลบั้ม In A Silent Way ก่อนจะมาเป็นอัลบั้ม Bitches Brew ซึ่งเป็นต้นแบบของแนวฟิวชันในเวลาต่อมา

>>ตัวอย่างเพลง Bebop เพราะๆ<<



Leave a Reply

Subscribe to Posts | Subscribe to Comments

- Copyright © 2013 Music History - Ore no Imouto - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -