Posted by : GGEZ December 25, 2013


Blues  
เพลงบลูส์ (Blues) เป็นเพลงของคนผิวดำ ซึ่งในสมัยก่อนพวกทาสในอเมริกาใช้ร้องเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและความทุกข์ยากในชีวิต สมัยนั้นในอเมริกาทุกคนต่างถือว่า ทาสเป็นเพียงสินค้าอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีสิทธิใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แม้แต่วัฒนธรรมของพวกทาสก็ยังถูกกำจัดให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง เว้นแต่บางสิ่งบางอย่างเท่านั้นที่ยังคงเหลือเอาไว้เพื่อประโยชน์ต่อนายทาส พวกทาสต้องนับถือศาสนาคริสต์ จะนับถือศาสนาของตัวเองไม่ได้ ความป่าเถื่อนของเรือบรรทุกทาส การประมูลทาสเยี่ยงสัตว์ป่า การใช้แรงงานทาสอย่างทารุณ ล้วนเป็นการทำลายจิตใจของพวกทาสชาวอาฟริกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความคับแค้นและความลำบากอย่างแสนสาหัสนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเพลงบลูส์ขึ้น เสียงเพลงที่เปล่งออกมาสามารถบีบคั้นอารมณ์คนฟังได้ เพราะเนื้อหาของเพลงนั้นได้หยิบยกมาจากความเป็นอยู่และและชีวิตที่แสนลำเค็ญของพวกทาส สะท้อนถึงอารมณ์และถ่ายทอดเป็นบทเพลงได้เป็นอย่างดี

เพลงบลูส์มีต้นกำเนิดมาจากเพลงที่พวกทาสชอบร้องเวลาทำงานเป็นหมู่คณะเพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้ผู้ที่ได้ฟังมีความรู้สึกแจ่มใสตามไปด้วย เช่น การร้องด้วยเสียงที่ดังลั่นที่มีทั้งเสียงทุ้มและต่ำอย่างไพเราะ หรือเสียงที่สูงจนแสบแก้วหู เมื่อคนอื่นร้องจบคนอื่นก็จะสอดรับขึ้นทันที ทีละคนสองคนและแล้วก็เพิ่มขึ้นจนเป็นเสียงลูกคู่ร้องรับกันไปในที่สุด การร้องเพลงแบบนี้เรียกว่า
ฮอลเลอร์‘ (Hollers – เสียงกู่ร้องที่ก้องกังวานอย่างโหยหวน) ซึ่งมักได้ยินเมื่อคนผิวดำทำงานเป็นหมู่คณะตามท้องไร่หรือที่อื่นๆ เป็นเพลงที่กลายเป็นแนวทางอย่างหนึ่งของเพลงบลูส์ เพลงฮอลเลอร์นี้ไม่สามารถที่จะอธิบายถึงลักษณะที่แน่นอนได้เพราะมีการต่อเติมให้แปลกแหวกแนวออกไปเรื่อยๆ ตามความคิดของนักร้องแต่ละคน แต่ลักษณะเด่นของเพลงฮอลเลอร์คือ ในเพลงจะมีระดับเสียงที่ลงต่ำแล้วกลับขึ้นสูงโดยเร็ว การขึ้นเสียงและผ่อนเสียงในระดับเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์ของฮอลเลอร์ เพลงบลูส์นั้นได้รับเอาแบบฉบับของดนตรียุโรปเข้ามาผสมกับเพลงทำงาน และเสียงกู่ร้องในไร่ (Cornfield Holler) เป็นแบบฉบับดั้งเดิมที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายของชาวอาฟริกันหลายชั่วอายุคนจนกลายเป็นแบบฉบับของเพลงบลูส์ขึ้นมา เพลงบลูส์มีรูปร่างที่แน่นอนขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 คือเนื้อร้องบทละ 3 บรรทัด ร้อง 12 จังหวะตามแบบของนักร้องบัลลาด แม้ว่าเพลงบลูส์จะมีรูปแบบที่แน่นอนตายตัวอย่างไรก็ตาม แต่ยังมีลีลาการร้องแบบฮอลเลอร์ (การร้องแบบด้นสด) เข้าไปแทรกอยู่ด้วย ทำให้บลูส์มีลักษณะพิเศษของตัวเอง

เพลงบลูส์เป็นเพลงที่ร้องไปกับการเล่นดนตรี แสดงออกถึงอารมณ์ นักร้องเพลงบลูส์นั้นไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในอารมณ์ของคนอื่น แต่จะร้องออกมาเป็นอารมณ์ของตัวเอง เมื่อความโศกเศร้าต่างๆ ได้ผ่านไปแล้วก็สามารถที่จะร้องเพื่อความเพลิดเพลินของตัวเองหรือเพื่อนพ้องได้ ลีลาและน้ำเสียงของบลูส์นั้นเต็มไปด้วยความล้ำลึกที่มาจากความปวดร้าวภายในที่แอบซ่อนอยู่ บอกกล่าวต่อผู้ฟังอย่างเศร้าสร้อยและโหยหวน ลักษณะเด่นอีกอย่างของดนตรีบลูส์คือ เป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวนักร้องอย่างแท้จริง นักร้องเพลงบลูส์จะสามารถร้องเพลงที่เกี่ยวกับตัวเองเสมอ

ชาร์ลี แพทตัน (
Charley Patton) ชาวมิสซิสซิปปี้เป็นนักดนตรีที่สำคัญของประวัติศาสตร์เพลงบลูส์คนหนึ่ง การร้องที่เต็มไปด้วยเสียงกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงและคำรามอย่างแข็งกร้าว นักดนตรีบลูส์หลายคนเป็นลูกศิษย์หรือได้รับอิทธิพลจากเขา

ไบลนด์ เลมอน เจ็ฟเฟอร์สัน (
Blind Lemon Jefferson) เขาเป็นชาวเท็กซัสเป็นนักร้องตาบอดที่น่าสงสารมาก เสียงของเขาแหบสูง เหมือนจะเชือดเฉือนกรีดลงไปในขั้วหัวใจของผู้ที่ได้ฟัง เขาเล่นกีตาร์ไปตามจังหวะและโน้ตเพื่อเน้นคำร้องไปด้วยกับการดีดกีตาร์อย่างแรงๆ และรวดเร็ว นักร้องเพลงบลูส์ที่ยิ่งใหญ่อีกคนคือ ไรเลย์ คิง (Riley king) เขาเกิดที่มลรัฐมิสซิสซิปปี้ เป็นผู้ที่ชอบสร้างสรรค์เพลงบลูส์รูปแบบใหม่อยู่เสมอ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บลูส์ บอย คิง‘ (Blues Boy King) แล้วในไม่ช้าคำว่า บลูส์บอยก็หดหายไป คงเหลือแต่ตัวย่อว่า บี.บี. จึงมีคนเรียกชื่อเขาแต่เพียงชื่อ บี.บี.คิง (B.B. KING) เท่านั้น

นักดนตรีบลูส์ที่สำคัญคนอื่นๆ เช่น จอห์น ลี ฮูเกอร์ (
John Lee Hooker) ชาวเท็กซัส ดนตรีของเขามีเอกลักษณ์ทั้งการร้องและการเล่นกีตาร์ เพลงบลูส์ของเขาเต็มไปด้วยความดื่มด่ำลึกซึ้ง
โบ ดิดด์เลย์ (
Bo Diddley) ชาวเมืองชิคาโก วงดนตรีของเขาจะเล่นดนตรีที่หนุ่มสาวชาวผิวดำกำลังคลั่งไคล้กันอย่างหนัก เป็นเพลงที่สนุกเร้าใจ


>>ตัวอย่างเพลง Blues เพราะๆ<<

Leave a Reply

Subscribe to Posts | Subscribe to Comments

- Copyright © 2013 Music History - Ore no Imouto - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -